เทศกาลฮิบุริ อยู่ในจังหวัดอะคิตะตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะใหญ่ของญี่ปุ่น ด้านตะวันตกหันหน้าไปทางทะเลญี่ปุ่นและอุดมไปด้วยแม่น้ำ, พื้นที่ราบ และมีพื้นที่กว้างใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะกับการเจริญเติบโตของเมล็ดพันธุ์ มีภูเขาสูงล้อมรอบภาคเหนือ, ภาคใต้ และภาคตะวันออก ในช่วงฤดูหนาวพื้นที่บนแผ่นดินปกจะคลุมไปด้วยหิมะที่ตกหนักมีงานเทศกาลพิธีเฉลิมฉลองที่เป็นประเพณีโบราณ และงานเทศกาลที่มีเอกลักษณ์ของตนเองมากมายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูหนาว มีเทศกาลถึง 7 เทศกาลที่น่าตื่นเต้น
หากพูดถึงจังหวัดอาคิตะในประเทศญี่ปุ่น
หลายคนคงจะพอคุ้นหูอยู่บ้าง แต่สำหรับบางคนอาจไม่รู้จัก จริงๆแล้วจังหวัดนี้ จังหวัดอาคิตะตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะใหญ่ของญี่ปุ่น สามารถใช้ Jr pass เดินทางจากโตเกียว โดยนั่งรถไฟ SHINKANSEN มาลงได้ที่ AKITA ได้เลย จังหวัดนี้อุดมไปด้วยแม่น้ำ ทะเลสาบ พืชพรรณธรรมชาติ มีสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาในจังหวัดอาคิตะ คือมีมุมมองที่แตกต่างหลากหลายในความงามของธรรมชาติ มีแหล่งท่องเที่ยวญี่ปุ่นมากมาย อย่าง ทะเลสาบทาซาวะ หรือ ทาซะวะโกะ เหมาะสำหรับ คนที่อยากเดินทางเที่ยวแบบไม่ซ้ำรอยคนอื่น หรือใครที่ไม่รู้จะเที่ยวญี่ปุ่นเดือนไหนดี แนะนำลองมาที่จังหวัดนี้ได้ทุกฤดูกาล
จังหวัดอาคิตะเป็นเมืองที่มีงานเทศกาล พิธีเฉลิมฉลองที่เป็นประเพณีโบราณและงานเทศกาลที่มีเอกลักษณ์ของตนเองมากมายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูหนาว มีเทศกาลถึง 7 เทศกาลที่น่าตื่นเต้น ฮิบุริ คามาคุระ (Hiburi Kamakura) เป็น 1 ใน 7 เทศกาลช่วงฤดูหนาว เรียกง่ายว่า เทศกาลแห่งการร่ายรำของวงแหวนไฟ จัดอยู่ในช่วงระหว่างเดือน มกราคม – กุมภาพันธ์ (ขึ้นอยู่ แต่ละปี ) เมือง Semboku-City,Kakunodate-town เทศกาลนี้ มประวัติเริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1949
แต่ประเพณีนี้ได้หยุดหายไปเป็นเวลาประมาณ 40 ปี จนกระทั่งนำกลับมาสืบทอดกันใหม่ในปี ค.ศ.1989 โดยมีความเชื่อที่ว่า เมื่อได้ร่ายรำวงแหวนไฟจะทำให้เทพเจ้าไฟ ดลบันดาลพรให้มีพืชพันธุ์ธัญญาหารสมบูรณ์ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ครอบครัวอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข
วิธีการร่ายรำ
วิธีการ นำกระสอบฟางถ่านมามัดด้วยเชือกยาวประมาณ 1 เมตร หลังจากนั้นจะจุดไฟที่ถ่านจับปลายเชือกแล้วเหวี่ยงไปรอบๆตัว จนกว่าไฟจะเผากระสอบฟางหมดท่ามกลางอากาศที่หนาว ทำให้บริเวณลานแสดงการร่ายรำวงแหวนไฟ อุ่นขึ้นมาทันที่เพราะไม่เพียงแต่ชาวบ้าน แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถลองการร่ายรำวงแหวนไฟนี่ได้เช่นกัน เทศกาลนี้ได้รับความนิยมจากช่างภาพทั่วประเทศญี่ปุ่น หรือแม้แต่ช่างภาพต่างชาติ ก็เดินทางเพื่อมาถ่ายภาพวงแหวนไฟโดยเฉพาะ
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการจุดกองไฟ ซึ่งมีหลายจุดในลานกว้าง เพื่อให้ชาวบ้านที่ต้องการร่ายรำวงแหวนไฟ นำกองฟางห่อด้วยกระสอบมาจุดไฟ แล้วเหวี่ยงไปรอบๆตัวเอง ผู้คนจำนวนมาก มารอต่อคิวเพื่อทำการร่ายรำ เพราะการร่ายรำเหวี่ยงกระสอบไฟนั้น กินรัศมีประมาณเกือบ 2 เมตร จึงไม่สามารถทำการร่ายรำ ได้ทีละหลายๆคน อันเกิดอันตรายได้ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด
เทศกาล Rokugo no Takeuchi
อีกหนึ่งเทศกาลแห่งไฟของจังหวัดอาคิตะ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาในช่วงฤดูหนาว ซึ่งจัดอยู่ในช่วงเดียวกับเทศกาลฮิบุริ คามาคุระ จัดขึ้นเดือนกุมภาพันธ์ คือเทศกาล Rokugo no Takeuchi เพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งไฟ พร้อมกับเฉลิมฉลองงานประเพณีที่สืบทอดมายาวนานกว่า 700 ปี และจุดที่น่าสนใจสำหรับคนที่มาชมภายในงาน คือ การต่อสู้ด้วยไม้ไผ่ ชาวบ้านในพื้นที่ Ushukaidou จะถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายทางเหนือและฝ่ายทางใต้ ทั้งสองฝ่ายจะมีจำนวนเท่าๆกัน ประมาณเกือบฝั่งละ 40 คน ทุกคนจะมีไม้ไผ่เป็นอาวุธสำหรับการต่อสู้กัน ไม้ไผ่ยาว 7-8 เมตร
เมื่อถึงเวลาต้องต่อสู้กันจะมีการจุดกองไฟที่อยู่บริเวณตรงกลาง เป็นจุดแบ่งเขต ของฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ โดยวิธีการจะมีกรรมการเป็นผู้ให้สัญญาณ สำหรับกติกาจะแข่งกัน 3 รอบ เมื่อทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมให้เข้าประจำที่ ในเขตของตนเอง และเตรียมไม้ไผ่ให้พร้อม ต้องสวมชุดหมวกป้องกันให้เรียบร้อย พอกรรมการให้สัญญาณ เสียงกริ่งเสียงดังขึ้น ชาวบ้านทั้งสองฝ่ายเหนือ และ ฝ่ายใต้ ต้องวิ่งเข้าให้กันฟาดไม้ไผ่ใส่ฝั่งตรงข้าม โดยต้องพยายามเข้าไปอยู่ในฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่สุด กรรมการจะเป็นผู้ตัดสินว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะในรอบนั้นๆ
เทศกาลนี้เป็นการต่อสู้กันจริงๆ ไม่ใช่การแสดง บางจังหวะถึงขั้นชกต่อยกันก็มี จนเพื่อนๆต้องเข้ามาห้าม สาเหตุที่ต้องทำเช่นนั้น เพราะชาวบ้านมีความเชื่อว่า เชื่อว่าถ้าฝ่ายเหนือชนะพืชผลเกษตรจะอุดมสมบูรณ์ และถ้าฝ่ายใต้ชนะเชื่อว่าราคาข้าวจะเพิ่มสูงขึ้น เอาจริงๆ ฝ่ายไหนชนะก็เป็นผลดีความกันหมด แต่สิ่งที่แข่งกันคือเรื่องของศักดิ์ศรีต่างหาก หลังจากต่อสู้กันครบ 3 รอบ คณะกรรมการจะเป็นผู้ประกาศว่าใครชนะในแต่ละรอบ เหมือนการประกาศคะแนนของกีฬามวย เมื่อรู้ผลแพ้ชนะแล้ว ชาวบ้านจะมาร่วมตัวกันนำแผ่นกระดาษ 5 สี ที่เขียนคำอธิฐาน โยนลงไปในกองไฟเพื่อให้คำอธิฐานไปถึงเทพเจ้าแห่งไฟ เป็นอันจบ
เทศกาล Rokugo No Kamaura นับว่าเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ดูแปลกตา แต่ก็ทำให้เราได้รู้ว่า ไม่ว่าจะส่วนไหนของโลกใบนี้ ความเชื่อ ความศรัทธา ก็ยังคงอยู่ควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตของเรา