เที่ยวเมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 เป็นเมืองโบราณ บนพื้นที่ กว่า 60 ไร่ จำลองวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ในสมัยอดีต ในรัชกาลที่ 5 หลังการประกาศเลิกทาส พอเข้ามาก็จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เหมือนหลุดมาในยุคนั้นจริงๆ
แนะนำให้มาถึงช่วงเช้า (เปิดบริการทุกวันเจ้าค่ะ 9.00 – 21.00 น.) เริ่มต้นจากที่ ด้านหน้าเป็นประตูทางเข้า โอ่อ่า ใหญ่โตอลังการ มีรถลาก หรือที่เราเรียกกันติดปากว่ารถเจ๊กไว้คอยบริการอยู่ทางหน้าเมืองอีกด้วย ค่าบริการ 50 บาท ต่อเที่ยว สามารถซื้อตั๋วได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วหน้าเมือง แต่หากใครจะถ่ายรูปก็ฟรี
แต่งกายชุดไทย ผู้หญิง – ผู้ชาย มีให้เลือก 2 แบบ 2 ราคา ได้แก่
ผู้หญิง
1.ราคา 200 บาท : ผ้าสไบ โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มรัด และร่ม
2.ราคา 300 บาท : เสื้อแขนหมูแฮม พร้อมแพรสะพาย โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มขัด และร่ม
ผู้ชาย
1.ราคา 100 บาท : เสื้อกุยเฮง โจงกระเบน และผ้าคาดเอว
2.ราคา 300 บาท : เสื้อราชปะแตน โจงกระเบน
เด็ก ราคา 50 บาท : เสื้อคอกระเช้าสำหรับผู้หญิง เสื้อกุยเฮงสำหรับผู้ชาย และโจงกระเบน
สะพานหัน
พอผ่านประตูแล้วจะพบกับ สะพานหัน ชื่อนี้เรียกตามจากลักษณะของตัวสะพานที่สมัยก่อนนั้นจะเป็นไม้แผ่นเดียวพาดข้ามคลอง จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปลี่ยนทำเป็นแบบสะพานริอัลโตทีนครเวนิซ และที่ปองเตเวกคิโอ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี คือ เป็นสะพานไม้โค้งกว้างเป็นสะพานไม้โค้งกว้าง
ระหว่างที่เดินข้ามสองฟากสะพานมีห้องแถวเล็กๆ ให้ขายของส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน ซึ่งสะพานนี้ ร.5 ชอบเสด็จประพาสเพื่อซื้อผลไม้แห้งที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
เงินรู
เงินรู เป็นเงินตราที่ใช้สมัยโบราณทั้งอยุธยาและสุโขทัย และได้นำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการในเมืองมัลลิกา ถ้ามา 2 คน แลกแค่ 400 บาทก็พอ อัตราการแลกเงินรู : 1 สตางค์ = 5 บาท
ย่านการค้าในสมัย ร.ศ. ๑๒๔
ที่แลกเงินจะอยู่ใน ย่านการค้าในสมัย ร.ศ. ๑๒๔ มีสินค้ามากและทันสมัยสำหรับยุคสมัยนั้น จุดนี้ได้จำลองย่านการค้าที่สำคัญๆ ได้แก่ ย่านถนนแพร่งนรา ถนนแพร่งภูธร ย่านบางรัก เป็นย่านการค้าที่สำคัญ มีร้านค้าที่ทันสมัยอยู่มาก หรือ ย่านเยาวราช อันเป็นย่านที่มีชาวจีนโพ้นทะเลอาศัยอยู่มาก
สยามในยุค ร.ศ.๑๒๔ มีการเปลี่ยนแปลง แต่ที่เด่นชัดมากคือการประกาศเลิกทาส เมื่อทาสได้รับความเป็นไทพวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่อาศัยและทำมาหากินด้วยตนเอง นี่เป็นชุดของพนักงาน ถัดจากย่านการค้า จะพบหอชมเมือง จำลองมาจากหอคอยคุก ซึ่งเป็นหอคอยที่ใช้สำหรับตรวจตราป้องกันมิให้นักโทษหนี แต่ตอนนี้ใช้สำหรับชมวิว ขอบอกทางขึ้นไปชมวิวสูงมากๆ เจ้าค่ะ
เรือนเดี่ยว
หลังจากขึ้นไปชมวิวแล้ว ก็เดินมาต่อที่โซน บริเวณที่เรียกว่า เรือนเดี่ยว เป็นเรือนสำหรับชาวบ้าน ชนชั้นชาวนา มีหน้าที่ การทำไร่ ทำนา ทำสวน ปลูกผัก เจ้าค่ะ อันเป็นอาชีพทั่วไปของชนชั้นนี้ ในเมืองมัลลิกา นั้นจะมีเรือนเดี่ยว เพื่อแสดงถึงวิถีของชาวบ้านในสมัย ร.ศ. ๑๒๔ ว่ามีวิถีชีวิตอย่างไร
เรือนชาวบ้านที่เห็นสามารถขึ้นไปชม สภาพความเป็นของคนในยุค ร.ศ.124 ซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่เรือนนี้คือคนชนชั้นกรรมาชีพ (เป็นชนชั้นที่ได้ค่าแรงต่ำมาก) มาถึงแล้วอิฉันขอขึ้นไปเดินภายในเรือน
บนเรือนเดี่ยว จะมีห้องที่จำลองในยุคนั้นให้เห็นถึงวิถีของชาวบ้านในสมัย ร.ศ. ๑๒๔ ว่ามีวิถีชีวิตอย่างไร ภายในมีห้องนอน ห้องครัว คล้ายๆบ้านเรือนของคนต่างจังหวัดซึ่งยังมีให้เห็นในปัจจุบัน ต่อไปได้ชมบ้านเรือนของคนชนชั้นสูงในสมัย ร.ศ.124 กันบ้างเจ้าค่ะ เป็นเรือนคนมีฐานะ บนเรือนคหบดีนั้น แสดงวิถีความเป็นอยู่ของชนชั้นปกครองซึ่งจะมีกิจกรรมบนเรือน
เรือนแพ
ถัดมาเรามาดู ร้านค้าจำลองบรรยากาศ เรือนแพ ในยุคสมัยนั้น การสัญจรไปมาส่วนใหญ่ใช้แม่น้ำดังนั้น ร้านค้าขายที่จะตั้งอยุ๋ริมน้ำเป็นส่วนใหญ่ มีร้านข้าวแกง , ส้มตำ , กาแฟโบราณ , ผัดไทโบราณ เป็นต้นเจ้าค่ะ
แม้เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ ไม่ได้ใหญ่มากมาย แต่ก็ถือว่าน่าประทับใจมาก หากใครมาแนะนำให้เช่าชุด แล้วเดินเข้ามา รู้สึกเข้ากับรรยากาศ และ มีที่ถ่ายรูปเพลินมาก ๆ
เปิดทุกวัน เวลา 9.00–20.00 น.
ค่าเข้าชม เมืองมัลลิกา ผู้ใหญ่ 250 บ. เด็กและผู้สูงอายุ 120 บ.
โทร : 034 540884–86 โทรสาร : 034–540883 อีเมล : info@mallika124.com