เที่ยวโรวานีมี Rovaniemi ตามหาหมู่บ้านซานตาคลอส ที่ประเทศฟินแลนด์ ช่วงเดือนธันวาคมมีเทศกาลที่ใครๆ หลายคนทั่วโลกนึกถึงคือ เทศกาลคริสต์มาส ที่จะมีซานตาคลอส คุณลุงใจดีนำของขวัญมาแจกเด็กๆ วันนี้เราจะเป็นไปดู บ้านเกิดซานตาคลอส ที่เมืองโรวานีมี่ ประเทศฟินแลนด์
ย้อนไปหลายปีผมได้มีโอกาสเดินทางมาที่ เมืองโรวานีมี่ ประเทศฟินแลนด์ การเดินทางใช้เวลา นานถึง 12 ชม. แวะเปลี่ยนเครื่องที่ เฮลซิงกิ (เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์) เมืองโรวานีมี่ เป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก เงียบสงบ มีช่วงฤดูหนาวที่ยาวนานกว่าฤดูอื่น และมีสิ่งที่ดึงดูดใจให้มาท่องเที่ยว ก็คือ หมู่บ้านซานตาคลอส หรือทีี่เรียกว่า Santa Claus Village
Santa Claus Village
หมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Claus Village) เป็นสถานที่ทำงานของ ซานตาคลอสจริงๆ หรือเราจะเรียกว่า สำนักงานใหญ่ของคุณลุงซานต้าก็ว่าได้ เพราะสถานที่นี้เป็นที่ทำการไปรษณีย์ ที่เด็กๆ จะเขียนจดหมายมาขอของขวัญและพูดคุยกับซานตาคลอสจะถูกส่งมาที่นี่ และยังเป็นที่ให้นักท่องเที่ยวได้เขียนจม.จากที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ กลับไปให้ตัวเองหรือใครๆทั่วโลกก็ได้ นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวและเด็กๆ ที่เดินทางมาหมูบ้านซานตาตลอส สามารถเข้าพบ พูดคุย กับซานตาคลอสตัวจริง เสียงจริง ได้ด้วย
ภายในหมู่บ้านซาตาคลอสเป็นพื้นที่โล่งๆ มีอาคารต่างๆ แยกเป็นโซน เช่น สำนักงานที่ทำการไปรษณีย์ ,พิพิธภัณฑ์ของเล่น ,ร้านขายของที่ระลึก , โดยในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวเข้ามาหมู่บ้านซานตาคลอสราว 350,000 คน เรียกว่าเยอะเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมต่างๆ อยู่ใกล้ๆหมู่บ้านซาตาคลอสให้ เที่ยวอีก
กวางเรนเดียร์ลากเลื่อน (reindeer ride)
อีกหนึ่งกิจกรรมที่สนใจเมื่อเดินทางมาที่เมืองโรวานีมี่ คือต้องไปดู ฟาร์มเลี้ยงกวางเรนเดียร์ เรามักพบพวกมันในแถบ ประเทศที่ตั้งอยู่บนเส้น Archtic เช่น นอร์เวย์ แคนาดา ไซบีเรีย สวีเดน ฟินแลนด์
ที่ฟาร์มแห่งนี้มีกวางเรนเดียร์จำนวนหนึ่ง มันมีหน้าที่บริการนักท่องเที่ยว ด้วยการลากเลื่อน เพราะกวางชนิดนี้แข็งแรงและชินกับสภาพอากาศ และความเร็วในการลากเลื่อนมีความเร็วประมาณ ๔๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบครับ เพราะเจ้าพวกนี้ยังเป็นตำนานกวางเรนเดียร์ของซานตาคลอสอีกด้วย
สุนัขลากเลื่อน Siberian Husky
นอกจากกวางเรนเดียร์ลากเลื่อนแล้ว ภายในเมืองโรวานีมี่ ยังมีฟาร์มสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ อยู่ใกล้ๆ ฟาร์มกวางเรนเดียร์
เจ้าสุนัขพันธุ์นี้มันมีนิสัย ซุกซน ขี้อ้อน แถมชอบผจญภัย จงรักภักดี อุทิศทั้งกายและใจ ภายในฟาร์มแห่งนี้มีเจ้าสุนัขประมาณ 50 กว่าตัวได้ หน้าที่ของพวกมันคือ ลากเลื่อน จนกลายเป็นเป็นกีฬา ที่นิยมแข่งขันในช่วงฤดูหนาว พวกมันสามารถวิ่งได้ นาน 2-3 ชั่วโมง สำหรับการนั่งรถลากเลื่อนต้องใช้ เจ้าสุนัขประมาณ 6-10 ตัว จะยืนตำแหน่งเป็นคู่ๆ ความเร็วนั้น เร็วกว่าเจ้ากวางเรนเดียร์เสียอีก
เรือตัดน้ำแข็ง (Sampo Icebreaker)
เราเดินทางต่อมาที่เรือตัดน้ำแข็งที่มีชื่อว่า แซมโป้ น้ำหนักกว่า 3,500 ตัน หนักกว่าเรือทั่วไปในขนาดเดียวกันถึง 3 เท่า
เรือชนิดนี้จะมีหัวเรือรูปร่างพิเศษและมีลำเรือที่แข็งแรง เรือตัดน้ำแข็งจะเคลื่อนตัวได้ช้าแต่มั่นคง โดยการดันหัวเรือบนผิวน้ำแข็งจนกว่าน้ำหนักของเรือจะทำให้น้ำแข็งยุบตัวลง เรือตัดน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดออกแบบให้ตัดน้ำแข็งที่หนาถึง 2.4 เมตร
การได้มาล่องเรือตัดน้ำแข็งแซมโป้ จะให้ความรู้สึกที่น่าตื่นเต้น เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะในขณะที่เรือขนาดใหญ่แล่นออกไป เราจะเห็นการแบ่งน้ำแข็งออกเป็นสองฝั่ง พร้อมกับชื่นชมความงามของทุ่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ มันสุดยอดจริงๆ
นอกจากนั้นยังได้สัมผัสความหนาวของ หิมะ และน้ำแข็งพร้อมกัน โดยนักท่องเที่ยวสามารถลงว่ายในบ่อน้ำกลางทะเลที่หนาวเย็น และมีน้ำแข็งหนาล้อมรอบท่ามกลางอุณหภูมิที่อาจลดต่ำถึง ลบ 30 องศาเซลเซียส แต่ต้องสวมชุดที่เจ้าที่เตรียมไว้ให้เท่านั้น มิฉะนั้นไปลงแบบไม่มีชุดแข็งแน่ๆ และชุดที่สวมใส่จะทำให้สามารถลอยตัวอยู่บนผิวน้ำได้อย่างสบายๆ
โรงแรมน้ำแข็ง ฟินแลนด์
สำหรับประเทศฟินแลนด์ มีช่วงฤดูหนาวที่ยาวนาน จึงเกิดไอเดียทำโรงแรมเป็นน้ำแข็งเกือบทุกอย่างๆเลย เป็นการนำความท้าทายมาให้ทั้งผู้สร้าง และผู้เข้ามาพักเพราะภายนอกอากาศติดลบเข้ามาในโรงแรมน้ำแข็งแล้วความเย็นไม่แพ้ด้านข้างนอกเลย
ภายในโรงแรมแห่งนี้ มีการออกแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น Ice bar , โบสถ์น้ำแข็ง เขาตกแต่งได้สวยจริงๆ การสร้างโรงแรมน้ำแข็งนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระท่อมของเอสกิโมนั่นเอง สำหรับห้องนอนนั้นมีประมาณ 30 ห้อง เตียงเป็นน้ำแข็งปูด้วยผ้าขนสัตว์ และนักท่องเที่ยวที่จะมาพักที่นี้ เขาต้องมีการอบรมก่อนเข้าพักด้วย
การได้มาที่เมืองโรวานีมี ประเทศฟินแลนด์ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ เพราะด้วยลักษณะภูมิประเทศ, อากาศ , วิถีการดำรงชีวิต ,ที่แตกต่างกับเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง น้อยคนนักที่จะได้เดินทางมาที่นี่ เพราะค่าใช้จ่ายถือว่าสูงมาก หากใครก็ตามที่ได้มาแล้วสำหรับผมมันเป็นความทรงจำ ความประทับใจที่จะอยู่กับเราไปตลอดกาล…
ข้อมูลทั่วไปของประเทศฟินแลนด์
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป
- เป็นประเทศในกลุ่มประเทศนอร์ดิก
- ทิศเหนือติดกับประเทศนอร์เวย์ ทิศตะวันออกติดกับประเทศรัสเซีย
- ทิศตะวันตกติดกับประเทศสวีเดน
เมืองหลวง กรุงเฮลซิงกิ (Helsinki)
- ประชากร ประมาณ 5.5 ล้านคน
- ภาษาราชการ 2 ภาษา คือ ภาษาฟินนิช และภาษาสวีดิช สามารถใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและการติดต่อธุรกิจ
หน่วยเงินตรา ยูโร (Euro)
- ฟินแลนด์เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปปี พ.ศ. 2538 และเริ่มใช้เงินสกุลยูโรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542
ภูมิอากาศ
- อากาศหนาวเย็น โดยเวลาที่มีแสงอาทิตย์ค่อนข้างสั้น
- ฤดูหนาว อุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส (ธ.ค. – เม.ย.)
- ฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิเฉลี่ยจาก 10 องศาเซลเซียสถึง15 องศาเซลเซียส (พ.ค. – มิ.ย.)
- ฤดูร้อน อุณหภูมิสูงกว่า 15 องศาเซลเซียส (ก.ค. – ก.ย.)
- ฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส (ต.ค. – พ.ย.)
วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวฟินแลนด์นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวฟินแลนด์จัดเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีวันพักเฉลี่ยในไทยประมาณ 13.16 วัน และมีการใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 3,102.62 บาท/วัน/คน การใช้จ่ายส่วนใหญ่เน้นไปที่หมวดค่าที่พัก และการจับจ่ายซื้อของ นักท่องเที่ยวฟินแลนด์นิยมแหล่งท่องเที่ยวประเภทชายทะเลมาก เช่น จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ปัจจัยในทางบวกที่ทำให้ชาวฟินแลนด์นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวไทย คือการบริการเที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ – เฮลซิงกิ ของสายการบินฟินน์แอร์
ข้อมูลดีๆจาก : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ